วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

11th assignment : Classification Writing


Classification Writing






           Animals are divided into 2 types : vertebrates and invertebrates.  Vertebrates  can be subdivided into Reptiles, Fish,  Amphibians,  Birds and Mammals.  Invertebrates can be subdivided into Protozoa, Flatworms, Annelid Worms, Echinoderms, Coelenterates and  Molluscs .  And arthropods can be subdivided Arachnids, Crustaceans, Insects  and  Myriapods.







            Plant  kingdom  are  divide  into  2  group :  spore  bearing  plants   and  seed  bearing  plants   . Spore  bearing plants   examples  of  algae,  mosses  or  liverworts   and  ferns .
Seed  bearing  plants   examples  of   flowering  plants  or angiosperms   and   conifers  or  gymnosperms.   Seed  bearing  plants   examples  of   flowering  plants  or angiosperms   are   monocotyledons  and  dicotyledons .



วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

7th assignment : Pattern of reading


Process Description

Process Description tells how to do something or how something works. An important point to remember is that the direction always clear and easy to follow. The following signal phrases are : Firstly ,to begin with, to start with, next, then, second, thirdly , after that and finally

คำอธิบายของกระบวนการ
คำอธิบายของกระบวนการบอกวิธีการทำบางสิ่งบางอย่าง จุดสำคัญที่ควรจดจำคือทิศทางที่ชัดเจน และง่ายต่อการทำตามเสมอ สังเกตได้จากคำเหล่านี้: ที่เดิมที ไปด้วยตั้งแต่เริ่ม การเริ่มต้น ด้วย ถัดไป แล้ว สอง ประการที่สาม หลังจากนั้น และท้ายที่สุด

Firstly              ประการแรก
to begin with     เมื่อต้องการเริ่มต้นด้วย
to start with      เริ่มต้นด้วย
next     ถัดไป
then      แล้ว
second       ที่สอง
thirdly             ประการที่สาม
after that and finally     หลังจากนั้น และท้ายที่สุด

ตัวอย่าง
How do you make a telephone call? First you lift the telephone receiver. Then you listen for the dial tone. Next you dial the number you want. After that you carry on a conversation. Finally, when finished, you put the receiver back on the telephone base. 

แปล
คุณจะทำการโทรศัพท์ได้อย่างไร ครั้งแรก คุณยกโทรศัพท์และหาตัวรับสัญญาณ แล้ว คุณควรฟังเสียงสัญญาณ ถัดไป คุณเรียกหรือกดเลขหมายเลขที่คุณต้องการสนทนาด้วย หลังจาก ที่การเชื่อมต่อสำเร็จคุณทำการสนทนา ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา คุณควรใส่ตัวรับสัญญาณบนฐานโทรศัพท์กลับมาและวางสายการสนทนา


Topic
A telephone call = (โทรศัพท์)
ชื่อเรื่อง
They are five making a telephone call.
Processes for making a telephone call.
They are many to make a telephone call
Main idea   How do you make a telephone call ?
= (คุณจะทำให้โทรศัพท์โทรออกได้อย่างไร)
Supporting details--- conversation (การสนทนา)

ข้อมูลเพิ่มเติม


การอธิบายการประมวลผล (Process Description) 

การวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้โดยการใช้แผนภาพการไหลของข้อมูล (Data Flow Diagram) โดยการเขียนสัญลักษณ์การประมวลผลนั้นจะเขียนเพียงหัวข้อในการประมวลผลเท่านั้น ยังไม่มีการเขียนคำอธิบายโดยละเอียด ซึ่งเราสามารถเขียนอธิบายโดยละเอียดได้ด้วยการเขียนคำอธิบายการประมวลผล (Process Description) หรือ Process Specification 
จุดประสงค์ของการเขียน Process Specification เพื่อใช้เป็นสื่อระหว่างผู้ใช้ระบบโปรแกรมเมอร์ และนักวิเคราะห์ระบบ ได้เข้าใจตรงกันในการประมวลผลนั้น โดยโปรแกรมเมอร์จะเข้าใจการประมวลผลนั้นเพื่อใช้ในการเขียนโปรแกรม โดยเฉพาะในกรณีของการมีโปรแกรมเมอร์หลายคนในการเขียนโปรแกรมในการสื่อให้เข้าใจตรงกัน ส่วนผู้ใช้ระบบจะได้เห็นถึงผลการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ระบบว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่

จุดมุ่งหมายในการใช้การอธิบายการประมวลผลนั้นสรุปได้ 3 ข้อคือ 

1. เพื่อให้การประมวลผลนั้นชัดเจน เข้าใจง่าย 
การใช้วิธีนี้จะทำให้ผู้วิเคราะห์ได้เรียนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการประมวลผลการทำงานในส่วนที่ไม่ชัดเจนต่างๆ จะถูกบันทึก และเขียนออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะรวมมาจากการสืบค้นข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลวิธีต่างๆ

2. เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกต้องในการอธิบายในรูปแบบเฉพาะของการประมวลผลนั้นระหว่างนักวิเคราะห์ระบบและโปรแกรมเมอร์ 
ในการสื่อถึงกันให้เข้าใจตรงกันระหว่างนักวิเคราะห์และโปรแกรมเมอร์นั้น ถ้าไม่สื่อกันให้ชัดเจนจะมีผลตามมาอย่างมากเมื่อลงรหัสโปรแกรม เนื่องจากจะต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และอาจทำให้การบริหารโครงการไม่เป็นไปตามกำหนดเวลาอีกด้วย ดังนั้นในการอธิบายการประมวลผลจึงมีส่วนช่วยอย่างมากในการสื่อการประมวลผลให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่างนักวิเคราะห์ระบบและโปรแกรมเมอร์

3. เพื่อตรวจสอบการออกแบบระบบ 
โดยการประมวลผลนั้นจะถูกต้องหรือไม่ในด้านข้อมูลที่ป้อนเข้าเครื่อง การออกรายงานทั้งหน้าจอ และการพิมพ์รายงานนั้นจะเป็นไปตามการวิเคราะห์ตามแผนภาพการไหลของข้อมูล (Data Flow Diagram) หรือไม่ จะสามารถตรวจสอบได้จากการอธิบายการประมวลผลนี้ 
การเขียนคำอธิบายการประมวลผลนี้จะมีเฉพาะโพรเซสในระดับล่างสุดเท่านั้น ระดับแม่เราจะไม่เขียนคำอธิบายเนื่องจากเราเขียน DFD ระดับแม่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเขียน DFD ระดับลูกเพื่อให้เกิดการแตกโครงสร้างแบบบน-ลง-ล่าง (Top - Down) และเมื่ออธิบายโพรเซสระดับลูกแล้วก็หมายความรวมถึงการทำงานระดับแม่โดยปริยาย 
วิธีการที่ใช้อธิบายการประมวลผลที่จะกล่าวในที่นี้มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีคือ 
1. ประโยคโครงสร้าง (Structure Sentences) 
2. การตัดสินใจแบบตาราง (Description Tables) 
เราจะเลือกใช้วิธีการอันใดอันหนึ่งหรือใช้ปนกันก็ได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะเขียนด้วยวิธีใดๆ เมื่อเขียนแล้วควรจะมีคุณสมบัติ ดังนี้ 
 เขียนแล้วคำอธิบายนั้นสามารถนำมาตรวจสอบความถูกต้องกับผู้ใช้ได้ง่ายการเขียนเป็นประโยคโครงสร้างอาจจะไม่เหมาะสมถ้าต้องนำมาตรวจสอบกับผู้ใช้เพราะว่าคำอธิบายนั้นจะยาวและคำอธิบายเกี่ยวกับเงื่อนไข หรือการทำงานซ้ำก็เขียนไม่สะดวก ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขที่มี AND,OR หรือ NOT เป็นต้น 
 เขียนแล้วคำอธิบายนั้นควรจะใช้สื่อสารกับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องในระบบได้ง่ายผู้อื่นที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็นผู้ใช้ ผู้จัดการ ผู้ตรวจสอบ เป็นต้น การเขียนคำอธิบายเป็นประโยคโครงสร้าง หรือเขียนเป็นการตัดสินใจแบบตารางจะเหมาะสมกับบุคคลเหล่านั้นเพราะว่าทั้ง 2 วิธีนั้นง่ายต่อการทำความเข้าใจถึงแม้ว่าอาจจะยาวไปหน่อยก็ตาม 
โดยทั่วไปแล้ววิธีการเขียนแบบประโยคโครงสร้างเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด และในโครงการเดียวกันควรจะเลือกใช้วิธีเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสาร การจะเลือกใช้วิธีการมากกว่าหนึ่งวิธีก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ 
1. ความชอบของผู้ใช้ 
2. ความชอบของผู้เขียน (นักวิเคราะห์ระบบ) 
3. ลักษณะการทำงานของโพรเซส 


http://www.geocities.ws/S_Analysis/FlowChart2.html

http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Knowledge/System%20Analysis%20and%20Design/System%20Analysis%20and%20Design1.htm


วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

9th assignment : Sentence Writing


"9th assignment : Sentence Writing"





Sentence Pattern 1
SUBJECT + VERB
1. I  swim.
2. I  see.
3. He  drings.
4. Chin sits.
5. We  make.
Sentence Pattern  2
SUBJECT + ACTION VERB + DIRECT OBJECT
1. I  swim at the mall with my friend.
2. I  see my uncle on Sunday at the market.
3. He  drinks milk with my mother at home.
4. He  sits with my sister at school.
5. We  make cake with my friend at home on Tuesday.

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

8th assignment : Grammar for Writing


B.   Rewrite the entire passage, but change Mark to Mary.  You will write about a woman instead of a man.


Outdoor Exercise



            Mark [Mary] lives in the city, but he [she] enjoys being outdoors.     When he [she] can, he [she] spends his [her] time outside. He [She] doesn't take a subway to work.  He [She] rides his [her] bicycle. He [She] doesn't eat lunch in a restaurant.  He [She] makes his [her] lunch himself [herself] and eats it in the park.  
            Museums don’t interest him [his] and concerts bore him [his]. He [She] prefers to be outdoors and he [she] chooses to entertain himself [herself]. Every morning he [she] runs and plays tennis in the park and almost every weekend he [she] goes hiking in the country. 
           Bad weather doesn't stop him [his]. He [She] even gets out in the rain.    Mark [Mary] is a healthy person. His [Her] outdoor exercise makes him [his] so.


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Antonyms and Contrast Clues


Antonyms and Contrast Clues 
 (คำตรงข้ามและ เบาะแสคำตรงข้าม)
Antonym คือ คำที่มีความหมายตรงกันข้าม
Contrast clues คือ คำที่มีความหมายขัดแย้งกัน
but = แต่ although = ถึงแม้ว่า Instead = แทนhowever = อย่างไรก็ตามnevertheless = แต่อย่างไรก็ตามwhereas = เพราะว่า in spite of = ทั้งๆที่
คำแต่ละคำสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งคำตรงข้ามซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้คำนั้น
สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณที่สำคัญได้แก่
1.Definition type การให้คำนิยาม
2. Restatement type การกล่าวซ้ำ
3. Example type การยกตัวอย่าง
4. Comparison or Contrast type การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง
short {สั้น}and tall {ยาว}
[short เป็นคำตรงข้ามกับคำว่า tallถ้ากล่าวถึง ความสูงของคน]
[short เป็นคำตรงข้ามกับคำว่า longถ้าใช้กล่าวถึง ของบางสิ่งบางอย่าง]
ตัวอย่างเช่น
คำตรงข้ามที่พบโดยทั่วไป
[Large (ใหญ่) – Small (เล็ก) ;Hot (ร้อน) – Cold (เย็น)
Up (ขึ้น) –Down (ลง);Slow (ช้า) – Fast (เร็ว)
Easy (ง่าย) – Difficult (ยาก); Rich (รวย)– Until (จน)
Open (เปิด)– Close (ปิด)
ในหลายภาษารวมทั้งภาษาอังกฤษบางครั้งสามารถทำคำเพื่อให้มีความหมายตรงกันข้ามกันโดยการเพิ่มคำนำหน้า เช่น
คำว่า Real (จริง) – Unreal (ไม่จริง)
คำว่า flexible (มีความยืดหยุ่น) –inflexible (ไม่ยืดหยุ่น)
อย่างไรก็ตามการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจะต้องระวังเรื่องของการพูด
ตัวอย่างประโยค
He was dilligent , but I’m lazy. = เขาขยันแต่ฉันขี้เกียจ
Yesterday the sky brightness. But to day the sky is dark. = เมื่อวานนี้ท้องฟ้าสว่าง แต่วันนี้ท้องฟ้ามืด
I came to early , but he was too late.= ฉันมาถึงเร็วแต่เขามาช้า
He was not comfortable , but I’m fine.
= เขาไม่สบายแต่ฉันสบายดี
ตัวอย่าง
- A premise is a statement of the relationship between a cause and a consequence.
อธิบาย premise เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย is เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ a statement of the relationship เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า premise ดังนั้น premise ก็คือ ข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์
- People who study the stars are called astronomers.
อธิบาย astronomers เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย are called เป็นคำชี้แนะหรือคำสัญญาณ people who study the stars เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า astronomers ดังนั้น astronomers ก็คือ คนที่ศึกษาเรื่องดวงดาว หรือนักดาราศาสตร์ นั่นเอง
- A committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
อธิบาย committee เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยmay be defined as เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะany group interacting in reagard to common purpose เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า committee ดังนั้น committee ก็คือ กลุ่ม หรือคณะบุคคลที่กระทำการใดๆ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน
Restatement type เป็นชนิดของตัวชี้แนะที่ผู้เขียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยด้วยการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้น พูดให้ง่ายขึ้น การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma
,.............................., เครื่องหมาย commas
- เครื่องหมาย dash
- .............................. - เครื่องหมาย dashes
(.............................) เครื่องหมายวงเล็บหรือ parentheses
ตัวอย่าง
- You can take an escalator , or a moving staircases, to go down to the platform.
อธิบาย escalator เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคยor เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณa moving staircases เป็นความหมายของคำว่า escalator ดังนั้น escalator ก็คือ บันใดเลื่อน
- These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
อธิบาย concentric เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคยin other words เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะhaving the same center เป็นความหมายของคำว่า concentricดังนั้น concentric ก็คือ จุดศูนย์กลางร่วม
- I spotted a horde - or mass - of birds flying south across the inlet.
อธิบาย horde เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย- ................- เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย mass เป็นความหมายของคำว่า hordeดังนั้น horde ก็คือ จำนวนมหาศาล
- The club members' warmth and friendliness created a comforting ambience (atmosphere) which I accepted eagerly.
อธิบาย ambience เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย(..................) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายศัพท์ไว้ในวงเล็บatmosphere เป็นความหมายของคำว่า ambienceดังนั้น ambience ก็คือ บรรยากาศ
Example type เป็นชนิดของสิ่งชี้แนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายของคำศัพท์ไม่คุ้นเคยด้วยการให้หรือยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบความหมาย ของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยปกติก่อนจะยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบเพื่อชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.for instancesuch as = ตัวอย่างเช่น , ยกตัวอย่างsuch ............aslike
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma
: เครื่องหมาย colon
- เครื่องหมาย dash
ตัวอย่าง
- Do you participate in one of the more popular avocation, such as jogging, tennis, or stamp collecting?
อธิบาย avocation เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยsuch as เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณjogging , tennis , stamp collecting เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา ดังนั้น avocation ก็คือ งานอดิเรก (hobbies) ทั้งนี้เพราะ jogging (การวิ่งเหยาะๆ) tennis และ stamp collecting เป็นงานอดิเรกทั้งสิ้น
- When you arrange the condiment shelf , put the salt and pepper next to the paprika.
อธิบาย condiment เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย, (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ชี้แสดงตัวอย่างที่จะยกถัดมาsalt and pepper เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมามาแสดงดังนั้น condiment ก็คือ เครื่องปรุงรส ทั้งนี้เพราะ salt (เกลือ), pepper (พริกไทย เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร
Comparison or Contrast type เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายด้วยการเปรียบเทียบ (Comparison) หรือการแย้งความ (Contrast) โดยปกติ ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
like / alike เหมือนกับ
similar to เหมือนกับ ,คล้ายกับ
resemble (v) เหมือนกับ
similarly (adv) ในทำนองเดียวกัน
likewise (adv) ในทำนองเดียวกัน
correspondingly (adv) ในทำนองเดียวกัน
in the same way (adv) ในทำนองเดียวกัน
in like manner (adv) ในทำนองเดียวกัน
comparing เปรียบเทียบกับ
compare with เปรียบเทียบกับ
as if / as though ราวกับว่า
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง ได้แก่
but / yet แต่
however / nevertheless แต่อย่างไรก็ตาม
though / although/ even though แม้ว่า
while / whereas ในขณะที่ (แสดงการแย้งกัน)
on the other hand ในทางตรงกันข้าม
on the contrary ในทางตรงกันข้าม
in contrast ในทางตรงข้าม
conversely ในทางกลับกัน
in spite of / despite แม้ว่า
ตัวอย่าง
- I urges married men to live virtuous lives, and bachelors to get married to good wives.
อธิบาย bachelor ตรงข้ามกับ married menดังนั้น bachelors = unmarried me (ชายโสด)
- Tim was voluble while his brother , Tom, was quiet.
อธิบาย voluble ตรงข้ามกับ quietดังนั้น voluble = not quiet / talkative (พูดมาก)
- An elephant is immense, comparing to a mouse.
อธิบาย mouse (หนู) เป็นสัตว์ขนาดเล็ก (small) แต่ elephant (ช้าง) ตัวใหญ่ดังนั้น immense ตรงข้ามกับ small นั่นคือ immense = not small / big